อัพเดทเนื้อหาให้คุณได้รู้ก่อนใคร...

งานทะเบียนราษฎร

งานทะเบียนราษฎรแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ทะเบียนคน คือ ทะเบียนที่แสดงรายการคนแต่ละคน ตั้งแต่การแจ้งเกิด การแจ้งย้าย จนถึงตาย ทะเบียนบ้าน คือ ทะเบียนประจำบ้านแต่ละบ้านที่แสดงรายการของคนที่อยู่ในบ้านทั้งหมด ตั้งแต่การสร้างบ้านหรือขอเลขบ้าน จนถึงการสิ้นสภาพของบ้านไป จำกัดความสั้นๆ แบบนี้คงทำให้ท่านว่าที่ปลัดเข้าใจมากขึ้น เพราะฉะนั้นที่เราจะอ่านต่อไปนี้ก็มีอยู่เพียง 2 ส่วนเท่านั้น และส่วนที่เพิ่มเข้ามาไว้อีกส่วนหนึ่งคือ พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 เพราะต้องอ่านควบคู่กัน อย่างท่านอาจจะได้บรรจุเป็นปลัดอำเภอฝ่ายทะเบียนและบัตร การที่ท่านจะเพิ่มชื่อคนในบ้านลงในข้อมูลการทะเบียนราษฎรนั้น ก็ต้องดูใช่ไหมว่าเขาเป็นคนไทย หรือคนต่างด้าว จึงได้รวมเข้าด้วยกันเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ความหมายและคำนิยาม “การทะเบียนราษฎร” หมายถึง งานทะเบียนต่างๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งการจัดเก็บข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร “ข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร” หมายถึง ข้อมูลตัวบุคคลเกี่ยวกับ ชื่อ ชื่อสกุล เพศ วันเดือนปีเกิดและตาย สัญชาติ ศาสนา…

งานทะเบียนสัญชาติ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รักษาการ ให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และออกกฎกระทรวง กำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย หนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นไทย และค่าธรรมเนียมคำขอกลับคืนสัญชาติไทย นิยาม คนต่างด้าว หมายความว่า ผู้ซึ่งไม่มีสัญชาติไทย คณะกรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติ สัญชาติมีผลเฉพาะตัว การได้สัญชาติ การเสียสัญชาติ การกลับคืนสัญชาติ ให้มีผลต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและให้มีผลเฉพาะตัว การได้สัญชาติไทยโดยการเกิด[1] บุคคลดังต่อไปนี้ย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิด 1. ผู้ที่เกิดโดยบิดาหรือมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทยไม่ว่าจะเกิดในหรือนอกราชอาณาจักร 2. ผู้ที่เกิดในราชอาณาจักรไทย (ยกเว้นมาตรา 7 ทวิ)[2] การไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิด 1. ผู้ที่เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าวย่อมไม่ได้รับสัญชาติไทย ถ้าในขณะเกิดบิดาไม่ได้สมรสกับมารดา หรือมารดาของผู้นั้นเป็น 1. ผู้ที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรไทย 2. ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยชั่วคราว 3. เข้ามาในราชอาณาจักรไทยตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง 2. ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ย่อมไม่ได้สัญชาติไทย ถ้าขณะเกิดบิดาหรือมารดาเป็น 1. หัวหน้า…

งานทะเบียนบัตรประจำตัวประชาชน

หลักการอันเป็นที่มาของบัตรประจำตัวประชาชนในขณะนั้นได้มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2475 ซึ่งกำหนดให้กรมการอำเภอเป็นพนักงานทำหนังสือเดินทางสำหรับราษฎรในท้องที่อำเภอนั้น จะนำไปมาค้าขายในท้องที่อื่น ทั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของประชาชน จะได้มีหนังสือสำคัญของทางราชการไว้แสดงว่าเป็นใคร มาจากที่ใด หนังสือดังกล่าวเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในสมัยนั้นคล้ายกับบัตรประจำตัวประชาชนในสมัยนี้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2486 รัฐบาลได้ตราพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2486 ขึ้น ประกาศใช้ในจังหวัดพระนคร หรือกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน แต่หลักการล้าสมัยจึงได้มีการแก้ไขกฎหมายเรื่อยมา จนกระทรวงมหาดไทยได้เสนอให้มีการแก้ไขและประกาศใช้พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 มีผลบังคับใช้วันที่ 21 เมษายน 2526 เป็นต้นมา และกำหนดว่าบัตรที่ออกตามพระราชบัญญัติบัตรประชาชน พ.ศ. 2505 ให้ใช้ได้ต่อไปจนครบวันเกิดของผู้ถือบัตร และให้ขอมีบัตรภายใน 90 วัน ผู้ใดมีอายุครบ 15 ปีก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้บังคับ ต้องขอมีบัตรภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รัฐมนตรีประกาศ 1.1 เจ้าพนักงานออกบัตร ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง ซึ่งในปัจจุบันรัฐมนตรีจะแต่งตั้งอธิบดีกรมการปกครองเป็น…

งานทะเบียนมูลนิธิ

มูลนิธิ ได้แก่ทรัพย์สินอันจัดสรรไว้เป็นแผนกเพื่อบำเพ็ญทาน ศาสนา วิทยาศาสตร์ วรรณคดี หรือเพื่อสาธารณประโยชน์อื่นๆ และไม่ได้แสวงหากำไร ฉะนั้น มูลนิธิจึงเป็นองค์กรการกุศลที่จัดตั้งขึ้นมาและดำเนินการโดยมิได้มุ่งหมายกำไร หรือหวังผลประโยชน์ตอบแทนแต่อย่างใด การจัดตั้งมูลนิธินับได้ว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สังคมอย่างมาก เพราะมูลนิธิเป็นองค์การกุศลที่จะให้การสงเคราะห์ตลอดจนการช่วยเหลือแก่บุคคลโดยไม่เลือกชาติศาสนาและไม่หวังผลตอบแทน จึงอาจสรุปลักษณะของมูลนิธิได้ 3 ประการคือ 1. เป็นกองทรัพย์สิน 2. นำเอาทรัพย์สินไปใช้เพื่อการบำเพ็ญประโยชน์ 3. ไม่ได้แสวงหากำไร จะเห็นได้ว่ามูลนิธิมีข้อแตกต่างจากสมาคมเพราะสมาคมรวมกลุ่มอยู่ได้ด้วยสมาชิกและผลประโยชน์เกิดขึ้นเป็นของสมาชิกหรือห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทที่มีการรวมตัวเพื่อแสวงหากำไร 1. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2. กฎกระทรวงว่าด้วยการจดทะเบียนมูลนิธิการดำเนินกิจการและการทะเบียนมูลนิธิ พ.ศ. 2545 3. พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 2. นายทะเบียนมูลนิธิ 1. ในกรุงเทพมหานครได้แก่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย 2. ในจังหวัดอื่น…

งานทะเบียนสมาคม

สมาคมเป็นนิติบุคคลอีกรูปแบบหนึ่งตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่เป็นนิติบุคคลที่กฎหมายกำหนดไว้ชัดแจ้งว่าจะต้องเป็นการร่วมกันทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีลักษณะเป็นการต่อเนื่อง โดยที่กิจกรรมและวัตถุประสงค์ของสมาคมจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือไม่เป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ และที่สำคัญการดำเนินการของสมาคมจะต้องไม่มีวัตถุประสงค์เป็นการหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน ดังจะเห็นได้จากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 78 และมาตรา 82 บัญญัติว่า “การก่อตั้งสมาคมเพื่อกระทำการใดๆ อันมีลักษณะต่อเนื่องร่วมกันและมิใช่เป็นการหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน ต้องมีข้อบังคับและจดทะเบียนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้” “.....และวัตถุประสงค์ของสมาคมไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือไม่เป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ....” 1. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2. กฎกระทรวง (พ.ศ. 2537) กฎกระทรวงออกตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2537 3. พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 2. นายทะเบียนสมาคม ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องแต่งตั้งนายทะเบียนสมาคม ลงวันที่ 15 กันยายน 2547 1. อธิบดีกรมการปกครอง เป็นนายทะเบียนสมาคมในกรุงเทพมหานคร…

กฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่

ตั้งแต่ได้ยกเลิกพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่รัตนโกสินทร์ศก 116 ก็ได้มีการใช้พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช 2457 โดยบังคับใช้วันที่ 17 กรกฎาคม 2457 เป็นต้นมา ได้มีการแก้ไขหลายครั้งโดยในปี พ.ศ. 2552 นั้นทำให้การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจะกระทำมิได้ ล่าสุดในปี พ.ศ. 2557 ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 102/2557 ลงวันที่ วันที่ 21 กรกฎาคม 2557 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่ โดยเพิ่มอำนาจให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครองอีกหนึ่งอย่างคือ การตรวจตรารักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้านร่วมกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ เป็นต้น และเนื่องจากกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้มานาน ภาษาที่ใช้บางครั้งอาจจะไม่คุ้นเคย เช่นคำว่า ผู้ว่าราชการเมือง ก็คือผู้ว่าราชการจังหวัดในปัจจุบันนั้นเอง 1.1 บ้านและเจ้าบ้าน บ้าน หมายความว่า เรือนหลังเดียวก็ตาม หลายหลังก็ตาม…

กฎหมายว่าด้วยการคัดเลือกกำนัน

1. นิยาม “ที่คัดเลือกกำนัน” หมายความว่า สถานที่ที่กำหนดให้ทำการคัดเลือกกำนัน “ผู้มีสิทธิลงคะแนน” หมายความว่า ผู้ใหญ่บ้านในตำบลที่มีการคัดเลือกกำนันซึ่งได้มาประชุม เพื่อคัดเลือกกำนัน และอยู่ในที่ประชุมนั้นขณะถึงเวลาลงคะแนน ณ ที่คัดเลือกนั้น 2. การคัดเลือกกำนันและการดำเนินการของอำเภอ เมื่อตำแหน่งกำนันว่างลงให้มีการคัดเลือกกำนันขึ้นใหม่ภายใน 45 วัน หากมีความจำเป็นไม่อาจจัดให้มีการคัดเลือกกำนันภายใน 45 วัน ให้นายอำเภอรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดขอขยายเวลาออกไป และการคัดเลือกกำนันให้นายอำเภอดำเนินการดังนี้ 1. ประกาศกำหนดให้มีการคัดเลือกกำนัน ภายใน 3 วัน 2. กำหนดวัน และเวลาประชุมคัดเลือกกำนัน ต้องไม่เกิน 45 วัน 3. ปิดประกาศให้มีการประชุมคัดเลือกกำนัน ภายใน 7 วัน 4. คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกประกอบด้วย นายอำเภอเป็นประธาน ผู้ที่นายอำเภอเห็นสมควร และปลัดอำเภอเป็นกรรมการและเลขานุการ ให้นายอำเภอกำหนดให้ที่ว่าการอำเภอเป็นสถานที่คัดเลือกกำนัน การประชุมคัดเลือกกำนันต้องเป็นไปโดยเปิดเผย…

กฎหมายว่าด้วยการเลือกผู้ใหญ่บ้าน

1. นิยาม คณะกรรมการเลือก หมายความว่า คณะกรรมการเลือกผู้ใหญ่บ้านตามคำสั่งแต่งตั้งของนายอำเภอ 2. เหตุที่ต้องมีการเลือกผู้ใหญ่บ้าน เมื่อมีการจัดตั้งหมู่บ้านใหม่ หรือตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านว่างลงด้วยเหตุใด ให้มีการเลือกผู้ใหญ่บ้านโดยวิธีลับ ภายในเวลา 30 วัน กรณีตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านใดว่างลงเพราะวันที่มีอายุครบ 60 ปี วันที่มีคำสั่งให้พ้น หรือวันที่ตาย ให้นายอำเภอจัดให้มีการเลือกผู้ใหญ่บ้านภายใน 30 วัน ถ้านายอำเภอไม่อาจจัดให้มีการเลือกผู้ใหญ่บ้าน ภายใน 30 วัน ให้รายงานผู้ว่าราชการจังหวัดขยายเวลาออกไป 3. การดำเนินการของอำเภอ ที่เลือกผู้ใหญ่บ้าน ให้นายอำเภอกำหนด คูหาลงคะแนนให้มีจำนวน 3 คูหาเป็นอย่างน้อย การเปลี่ยนแปลงที่เลือกผู้ใหญ่บ้านให้กระทำก่อนวันเลือก ไม่น้อยกว่า 10 วัน และการเลือกผู้ใหญ่บ้านให้นายอำเภอดำเนินการดังนี้ 1. ประกาศกำหนดให้มีการเลือกผู้ใหญ่บ้านภายใน 3 วัน 2. กำหนดวันรับสมัครภายในระยะเวลา 10…

กฎหมายเกี่ยวกับการเป็นกรรมการหมู่บ้าน

1. องค์กรในหมู่บ้านหรือกลุ่มอาชีพ กลุ่มบ้าน ได้แก่ บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันเป็นกลุ่มย่อยภายในหมู่บ้าน กลุ่มอาชีพ ได้แก่ กลุ่มที่จัดตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการประกอบอาชีพ กลุ่มกิจกรรม ได้แก่ กลุ่มที่มีการจัดตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของสมาชิก ในกลุ่ม หรือเพื่อประโยชน์ส่วนรวม 2. ผู้นำกลุ่ม ผู้นำของกลุ่มดังต่อไปนี้ เป็นกรรมการหมู่บ้านโดยตำแหน่ง (ผู้นำเท่านั้น) และผู้นำกลุ่มบ้านต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับผู้มีสิทธิเลือกผู้ใหญ่บ้าน 1. กลุ่มบ้านตามประกาศของนายอำเภอ 2. กลุ่ม กลุ่มกิจกรรม ซึ่งมาจากการรวมตัวของสมาชิก ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย 3. กลุ่มอาชีพ กลุ่มกิจกรรม ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 20 คน สมาชิกไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง มีภูมิลำเนาในหมู่บ้าน และต้องเป็นกลุ่มที่ดำเนินการมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 6 เดือน 3. การจัดทำบัญชีรายชื่อกลุ่มบ้าน ให้นายอำเภอ จัดทำประกาศจำนวนรายชื่อของกลุ่มบ้าน โดยกลุ่มบ้านให้ประกอบด้วยบ้านเรือนจำนวน 15 –…

กฎหมายเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินตอบแทนตำแหน่ง

1. อัตราเงินค่าตอบแทน เงินตอบแทนตำแหน่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ ให้จ่ายในอัตรา ดังนี้[1] 1. กำนัน ให้จ่ายเดือนละ 12,000 บาท 2. ผู้ใหญ่บ้าน ให้จ่ายเดือนละ 10,000 บาท 3. แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ ให้จ่ายเดือนละ 6,000 บาท 2.อัตราค่าตอบแทนกรณีดำรงตำแหน่งควบ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ ถ้าดำรงตำแหน่งเกินกว่าหนึ่งตำแหน่งให้มีสิทธิได้รับเงินตอบแทนตำแหน่ง เพียงตำแหน่งเดียว เว้นแต่แพทย์ประจำตำบล ที่ดำรงตำแหน่งแพทย์ประจำตำบลอื่นด้วย ให้มีสิทธิรับค่าตอบแทน ไม่เกิน 2 ตำบล 3.

กฎหมายเกี่ยวกับการแบ่งชั้นรางวัล

1. ระดับชั้นรางวัล รางวัล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มี 2 ชั้น ดังนี้ - รางวัลชั้นที่ 1 - รางวัลชั้นที่ 2 2. ประเภทชั้นรางวัล รางวัลชั้นที่ 1 แบ่งเป็น 5 ประเภท ดังนี้ 1. รางวัลกำนันยอดเยี่ยม ได้แก่ แหนบทองคำ, อาวุธปืนสั้น, เครื่องแบบปกติขาว - ครั้งที่ 2 แหนบทองคำ, ลูกซองยาว 5 นัด, เครื่องแบบปกติขาว - ครั้งที่ 3 ขึ้นไป แหนบทองคำ,…

กฎหมายเกี่ยวกับการวิธีการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน

1. ความเป็นมา พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 มีบทบัญญัติกำหนดให้ผู้ใหญ่บ้าน ต้องพ้นจากตำแหน่ง ด้วยเหตุไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งต้องทำ อย่างน้อยทุก 5 ปี นับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง 2. การบังคับใช้ บังคับกับผู้ใหญ่บ้านที่ได้รับการแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติลักษณะ ปกครองท้องที่พระพุทธศักราช 2457 ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2551 เป็นต้นไป และผู้ใหญ่บ้านที่ได้รับการแต่งตั้ง และดำรงตำแหน่งครบ 4 ปี ก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ ให้เข้ารับการประเมินผลครั้งแรกภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ ส่วนการประเมินผล ครั้งถัดไปให้ดำเนินการประเมินผลทุก 4 ปี นับแต่วันที่นายอำเภอประกาศให้ผ่านการประเมินผล 3. การประเมินผลผู้ใหญ่บ้าน ให้มีการประเมินผลผู้ใหญ่บ้านที่ได้รับการแต่งตั้ง และดำรงตำแหน่งครบ 5 ปี ส่วนการประเมินผลครั้งถัดไปให้ดำเนินการประเมินผลทุก…

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป

กฎหมาย คือข้อบังคับของรัฐซึ่งกำหนดความประพฤติของมนุษย์ ถ้าฝ่าฝืนจะได้รับผลร้ายหรือถูกลงโทษ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “ข้อบังคับแห่งความประพฤติ” คำว่ากฎหมาย อาจหมายความถึงกฎหมายลายลักษณ์อักษร และกฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรก็ได้ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป คือความรู้เกี่ยวกับวิชาที่ว่าด้วยความรู้สึกนึกคิดและหลักเกณฑ์ที่เป็นรากฐานของกฎหมาย เดิมเรียกว่าวิชาธรรมศาสตร์ อันเป็นศาสตร์เบื้องต้นในกฎหมายวิชาธรรมศาสตร์ฉบับที่มีชื่อเสียงที่สุดได้แก่ธรรมศาสตร์ฉบับของพระมโนสาราจารย์ ซึ่งได้รวบรวมขึ้นในประเทศอินเดียในราว 100 ปี ก่อนคริสตกาล 1. วิวัฒนาการของกฎหมาย วิวัฒนาการของกฎหมาย หรือ ความเป็นมาของกฎหมาย จะแบ่งออกเป็น 3 ยุคด้วยกัน คือ 1. ยุคกฎหมายชาวบ้าน กฎหมายยุคชาวบ้านเป็นกฎหมายที่มีหลักเกณฑ์เพื่อควบคุมความประพฤติในรูปของขนบธรรมเนียมประเพณี ใช้เหตุผลและหลักการธรรมดาที่ชาวบ้านรู้ได้ว่าคือ กฎหมาย เช่น ขนบธรรมเนียมในวันสงกรานต์ ขนบธรรมเนียมการแต่งตัวในวันสำคัญ ขนบธรรมเนียมการแต่งงาน เป็นต้น และในยุคนี้ยังไม่มีนักกฎหมาย 2. ยุคกฎหมายของนักกฎหมาย สังคมมีการพัฒนาที่ซับซ้อนขึ้น ทำให้ใช้กฎหมายชาวบ้านในการตัดสินการกระทำบางอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นต้องพึ่งนักกฎหมายที่จะต้องคิดกฎเกณฑ์เพิ่มเติม สำหรับเป็นเหตุผลในการวินิจฉัยชี้ขาด 3.

กฎหมายอาญา

สาระสำคัญของประมวลกฎหมายอาญา ในการสอบปลัดอำเภอนั้นถามไม่เกิน 3 ข้อ และจะไม่ถามละเอียดถึงว่าโทษจำคุกเท่าไหร่ จะถามหลักของกฎหมายเป็นส่วนใหญ่ ทางเราจึงได้ตัดส่วนของอัตราโทษออก เหลือเฉพาะที่เป็นสาระสำคัญจริงๆ และหลักกฎหมาย อีกอย่างหนึ่งที่ออกข้อสอบบ่อยมากคือ นำหลายๆ มาตรามารวมกันแล้วถามเป็นข้อเดียว ว่าข้อใดถูกหรือผิด บวกกับประสบการณ์ของผู้เขียนเอง จึงทำให้ท่านผู้อ่านมั่นใจได้ว่าในส่วนของประมวลกฎหมายอาญา แค่อ่านหลักกฎหมายต่อไปนี้ให้จำได้ ก็ทำข้อสอบได้แล้ว 1. ความหมายและนิยามที่สำคัญ 1. “โดยทุจริต” หมายความว่า เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น 2. “ทางสาธารณ” หมายความว่า ทางบกหรือทางน้ำสำหรับประชาชนใช้ในการจราจร และให้หมายความรวมถึงทางรถไฟและทางรถรางที่มีรถเดิน สำหรับประชาชนโดยสารด้วย 3. “สาธารณสถาน” หมายความว่า สถานที่ใดๆ ซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ 4. “เคหสถาน” หมายความว่า ที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัย เช่น เรือน โรง เรือ หรือแพ ซึ่งคนอยู่อาศัย และให้หมายความรวมถึงบริเวณของที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยนั้นด้วย…

กฎหมายแพ่ง

สาระสำคัญของประมวลกฎหมายแพ่งนั้นถือว่าเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปลัดอำเภอมากที่สุด โดยเฉพาะปลัดอำเภอที่อยู่ฝ่ายทะเบียนและบัตร สำหรับ ว.วิชาการ แล้วถือว่ากฎหมายแพ่งสำคัญที่สุดจากประมวลกฎหมายทั้ง 4 ฉบับ ก่อนที่จะศึกษาในรายละเอียดสิ่งแรกที่เราต้องทำความเข้าใจคือ ชื่อของกฎหมาย ชื่อเต็มคือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่กรมการปกครองบรรจุเข้าไปในการสอบเฉพาะ “แพ่ง” ไม่มี “พาณิชย์” กฎหมายพาณิชย์ คือ กฎหมายว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของบุคคล อันเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเศรษฐกิจและการค้า โดยวางระเบียบเกี่ยวพันทางการค้าหรือธุรกิจระหว่างบุคคล เช่น การตั้งหุ้นส่วนบริษัท การประกอบการรับขน และเรื่องเกี่ยวกับตั๋วเงิน (เช่น เช็ค) กฎหมายว่าด้วยการเช่าทรัพย์ การจำนำ เป็นต้น หรือเป็นกฎหมายเฉพาะพ่อค้ากับพ่อค้า แต่เราสอบราชการจึงไม่ต้องศึกษารายละเอียดในส่วนของ “พาณิชย์” แต่ที่เราจะศึกษากันคือส่วนของ “แพ่ง” อาทิ บุคคล สมาคม นิติกรรม ประนีประนอมยอมความ บรรพ 5 ครอบครัว บรรพ 6 มรดกฯ เมื่อเราได้ขอบเขตของเนื้อหาที่จะอ่านและทำความเข้าใจกันแล้วต่อไปก็จะเข้าสู่สาระสำคัญของประมวลกฎหมายแพ่ง[1]…